มิจฉาชีพ ที่มาในรูปแบบครอบครัว พี่แจ้งจับแฟนน้อง ผสมยาบ้าให้ พ่อ-แม่ กินจนหลอน

มิจฉาชีพ ที่มาในรูปแบบครอบครัว พี่แจ้งจับแฟนน้อง ผสมยาบ้าให้ พ่อ-แม่ กินจนหลอน

อ้างอิงข้อมูลจาก ไทยรัฐ วันที่ 30 พ.ย.64 นายพงษ์ศา เทพพิชัย อายุ 40 ปี ลูกชายอดีตตำรวจที่พัทลุง ได้ออกมร้องเรียนกับสื่อมวลชนพร้อมกับเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ควนขนุน เอาผิดกับ นางสาวเปมิกา” หรือ แป้ง อายุ 34 ปี และ “นางน้อย” อายุ 61 ปี หลังทั้งคู่แอบผสมยาเสพติดในอาหารให้ผู้เป็นพ่อกับแม่ของตนรับประทานจนเกิดอาการหลอน เหมือนผู้ป่วยจิตเวช

โดยจากคำบอกเล่าของ นายพงษ์ศา ระบุว่า 

ก่อนหน้านี้ นายเบส น้องชาย อายุ 30 ปี ได้พาแฟนและแม่ของฝ่ายหญิงมาอยู่ร่วมกันที่บ้านที่พัทลุง แต่หลังจากที่ทั้งคู่เข้ามาพักอาศัยด้วย พ่อและแม่ของตัวเองที่ก่อนหน้านี้ร่างกายแข็งแรงดี กลับพบมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นทั้งอาการหวาดระแวง เซื่องซึม ชอบเก็บตัว ไม่ค่อยพูดค่อยจา นอนไม่หลับ โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อถึงขั้นคิดจะฆ่าตัวเอง ญาติต้องมารับตัวไปดูแลอย่างใกล้ชิดที่จังหวัดกระบี่

เวลานั้นพี่ชายไม่ทราบว่า สาเหตุเกิดจากอะไร กระทั่งเริ่มตรวจสอบประวัติแฟนสาวของน้องชาย พบว่าทั้งแป้งและแม่มีประวัติไม่น่าไว้ใจ เคยค้นเจอยาเสพติดในรถของแป้ง และทราบว่าทั้งคู่มีประวัติเป็นผู้ป่วยจิตเวช ต่อมาได้นำเส้นผมของพ่อและม่ตัวเองไปตรวจที่ศิริราช ก็พบสารเมตแอมเฟตามีนในเส้นผมของทั้งสองคน จึงเชื่อว่า แป้ง และ แม่ เป็นคนวางยา เพราะหลังจากสอบถาม ทางพ่อและแม่ที่ตกเป็นเหยื่อ เล่าว่า ทั้งคู่จะอาสาเป็นคนทำกับข้าวให้คนในครอบครัวกิน แต่จะไม่ยอมกินอาหารจานเดียวกับที่พวกตนกิน

นอกจากนี้จากการตรวจสอบอีกพบว่า แป้งและแม่ “ไม่ใช่แม่ลูกกันจริงๆ” และสร้างเฟซบุ๊กปลอมมาคุกคามครอบครัวของผู้เสียหายต่อเนื่อง โดยทางนายเบส น้องชายนั้นรู้จักกับแฟนสาวผ่านเฟซบุ๊กก่อนคบหากันเป็นแฟนและยอมรับว่ามีการเพสย์ยาไอซ์ร่วมกันจริง

หลังเกิดเรื่องทั้งสองคนหายจากบ้านไป ซึ่งฝั่งพี่ชายเชื่อว่า “เรื่องนี้คือมิจฉาชีพ ทำกันเป็นขบวนการ อาจหวังยึดเอาทรัพย์สินแปรเป็นเงินทอง โดยใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายในการแฝงมาเป็นบุคคลในครอบครัว”

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยอมรับว่า คดีนี้ละเอียดอ่อน เพราะ เบส แป้ง และแม่ มีประวัติจิตเวช แต่ทางเจ้าหน้าที่จะเร่งคลี่คลายและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

หากหญิงนั้นยืนยันที่จะตั้งครรภ์ต่อ ให้ผู้ให้คำปรึกษาทางเลือกดำเนินการให้หญิงได้รับ การดูแลช่วยเหลือ หรือได้รับการจัดสวัสดิการสังคมที่เหมาะสมแก่การตั้งครรภ์และเลี้ยงดูบุตรต่อไป

หากหญิงนั้นยืนยันที่จะยุติการตั้งครรภ์ ให้ผู้ให้คำปรึกษาทางเลือกดำเนินการให้หญิง ได้รับการยุติการตั้งครรภ์ตามข้อบังคับแพทยสภา หากหญิงนั้นประสงค์จะได้รับความช่วยเหลือ ให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณานำแนวทางการดูแลช่วยเหลือ หรือการจัดสวัสดิการสังคม ที่เหมาะสมแก่หญิงที่จะดำเนินการยุติการตั้งครรภ์ดังกล่าวด้วย

ปิดตำนาน สาวไม่ตรงปก จอมตุ๋น นัทโอนไว ล่าสุดจับแล้วหลังเหยื่อแจ้งความเป็นปี

“ผึ้ง” สาวผู้สร้างตำนาน “นัทโอนไว” ล่าสุดถูกตำรวจรวบแล้ว หลังเหยื่อที่ถูกเอารูปไปใช้ ตามหาตัว แจ้งความเป็นปี จับได้เสียที “ผึ้ง” สาวผู้สร้างตำนาน “นัทโอนไว” แอบนำรูปภาพสาวสวยไปหลอกเงินผู้ชาย เคยถูกจับก็ไม่เข็ด ออกมาสร้างวีรกรรมซ้ำๆ จนสาวเจ้าของรูปตัวจริงต้องไปแจ้งความดำเนินคดีนานเป็นปี

ก่อนหน้านี้ ในช่วงเดือน ก.ย. – ต.ค.64 หญิงสาวเจ้าของภาพตัวจริง เคยออกมาโพสต์เฟซบุ๊กแฉถึงพฤติกรรมสาวผู้สร้างตำนานนัทโอนไวที่มีผู้เสียหายโดนหลอกเงินไม่ต่ำกว่าสามราย ต่อมา วันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา หญิงผู้เสียหายซึ่งถูกนำรูปไปแอบอ้างต้องออกมาอัปเดตความคืบหน้าการติดตามจับกุมอีกครั้ง หลังพบว่าคดีไม่คืบหน้าและยังไม่สามารถจับคนร้ายได้ ทั้งที่ตนเองก็สามารถหาที่อยู่ของผู้ก่อเหตุและนำไปแจ้งความ แต่ผ่านไปเป็นปีก็ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้

อย่างไรก็ตาม อ้างอิงข้อมูลจาก MGR Online ภายหลังศาลอนุมัติหมายจับ นางนันท์นลิล หรือ ผึ้ง อายุ 35 ปี เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.64 ในความผิดฐาน ทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์บิดเบือนหรือปลอมแปลงไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ซึ่งในวันเดียวกับที่หมายจับออก ช่วงเวลา 15.00 น. โดยประมาณ ผึ้ง หญิงสาวผู้สร้างตำนานนัทโอนไวก็เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมลูกและสามี โดยเจ้าตัวให้การรับสารภาพตามที่กล่าวหา จากนั้นเจ้าหนาที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.1 บช.สอท. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ นางผึ้ง คือคนเดียวกับที่สร้างตำนานหลอกเงินจาก นายสรฉัตร หรือเจ้าของฉายา “นัท โอนไว” ที่นำหลักฐานเข้าแจ้งความกับสภ.เมืองจันทบุรี เมื่อปี 2561 หลังสูญเงินไปจำนวน 98,000 บาท โดยตอนนั้น ผึ้ง ก็ถูกจับกุม ในข้อหา “ฉ้อโกง” ไปแล้ว

ในระหว่างการดำเนินการตรวจหรือให้คำปรึกษาทางเลือกแก่หญิงตั้งครรภ์ หากข้อเท็จจริงปรากฏว่ามีข้อบ่งชี้หรือกรณีเป็นไปตามมาตรา 305 (1) (2) (3) และ (๔) แห่งประมวลกฎหมายอาญา ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือผู้ให้คำปรึกษาทางเลือกอาจให้คำแนะนำแก่หญิงตั้งครรภ์เพื่อดำเนินการยุติการตั้งครรภ์หรือดำเนินการอื่นใดให้เป็นไปตามที่กฎหมายอื่น ที่เกี่ยวข้องกำหนด

ในระยะเริ่มแรก ให้ผู้ประกอบวิชาชีพอื่น ซึ่งปฏิบัติงานเกี่ยวกับการให้คำปรึกษา ทางเลือกแก่หญิงตั้งครรภ์อยู่ก่อนแล้ว ทำหน้าที่เป็นผู้ให้คำปรึกษาทางเลือกตามประกาศนี้ได้ โดยยังไม่ต้องผ่านการฝึกอบรมตามข้อ 5 แต่ต้องไม่เกิน 365 วันนับแต่วันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป